คุณรู้หรือไม่ว่า การจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่นั้นไปใช้เป็นค่าลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง รวมสูงสุดไม่เกินปีละ 15,000 บาท เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น คนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับนั่นก็คือ คนที่จ่ายเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา เฉพาะเบี้ยประกันของสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ เช่น พวกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก, ความคุ้มครองโรคร้ายแรง, ความคุ้มครองอุบัติเหตุ, ความคุ้มครองโรคมะเร็ง สรุปประกันแบบไหนก็ได้ครับ ที่เป็นประกันคุ้มครองสุขภาพคุณพ่อคุณแม่เรา
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ผู้มีเงินได้ต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา มารดา (บุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิลดหย่อน)
- บิดา มารดา ต้องมีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาท ในปีภาษีนั้น (แต่ไม่มีเงื่อนไขบิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์)
- ถ้าผู้มีเงินได้ มิได้อยู่ในประเทศไทย บิดา มารดา ต้องอยู่ในประเทศไทย
- กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมชำระเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา ให้เฉลี่ยหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา ตามจำนวนผู้มีเงินได้ แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท (ให้เฉลี่ยตามส่วน)
หลักฐานที่ต้องใช้ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90/91
ใบเสร็จหรือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันสุขภาพจากบริษัทประกัน เวลาสรรพากรขอดูเอกสารก็ Scan ใบเสร็จธรรมดานี่แหละครับให้เขาไป เดี๋ยวสรรพากรเขาเช็คจากเลขบัตรประชาชนของบิดาหรือมารดาได้เองครับว่ามีเงินได้ในระบบเกิน 30,000 บาทในปีภาษีที่ขอลดหย่อนหรือไม่
ภาพจากโปรแกรมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90/91 กรมสรรพากร
แนะนำให้รีบสมัครทำประกันตอนที่สุขภาพของคุณพ่อคุณแม่ท่านยังแข็งแรงดีอยู่นะครับ น่าจะเน้นเป็นประกันแบบตลอดชีพ + ความคุ้มค่ารักษาพยาบาลครับ คุณพ่อคุณแม่ท่านจะได้รับความคุ้มครองไปจนถึงอายุ 85 ปี แต่ใช้เวลาในการชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 20 ปี และมีเงินคืนให้เมื่อครบสัญญา แล้วค่อยมาพิจารณาส่วนของความคุ้มครองโรคร้ายแรงต่าง ๆ อีกทีหนึ่งนะครับ ที่สำคัญที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีประกันโรคมะเร็งให้ด้วยนะครับ หากเกิดเป็นโรคมะเร็งและจำเป็นจะต้องรักษา แทนที่จะเก็บเงินใว้จ่ายอย่างอื่นหรือเก็บเงินใว้ให้ลูกหรือคนที่คุณรัก ต้องมาจ่ายให้กับโรงพยาบาลหมด โรคหลายโรคถ้าผ่านการรักษาอย่างดี ก็หายขาดได้ ค่าเบี้ยประกันไม่สูงมาก
- คุ้มครองแบบครบวงจร…ไม่ว่ามะเร็งระยะใด ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การรักษา ติดตามผลรวมถึงการฟื้นฟูร่างกาย และเยียวยาจิตใจ
- วงเงินค่ารักษาสูง…เบิกค่ารักษาโรคมะเร็งได้ตามจริง ให้วงเงินค่ารักษามะเร็ง 3 ล้านบาทต่อมะเร็ง 1 ชนิด สูงสุด 9 ล้านบาท (สำหรับแผน 3) คุ้มครองต่อเนื่องจนอายุ 85 ปี
- ไม่ต้องนอน รพ. ก็เบิกได้… เช่น เคมีบำบัด ฉายแสง
- เบี้ยประกันภัยไม่แพง…เบี้ยประกันภัยเพียงเดือนละ 201 บาท (สำหรับเพศชาย อายุ 35 ปี)
รับเงินก้อน กรณีเสียชีวิต…ทั้งจากเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ - รับประกันภัยตั้งแต่อายุ 16 – 60 ปี ต่ออายุได้ถึงอายุ 84 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85 ปี ซื้อได้ 1 สัญญาต่อผู้เอาประกันภัยเท่านั้น
การเลือกทำประกันนั้นจะต้องเลือกที่ตัวแทนนะครับ ว่าตัวแทนจริงใจให้บริการและเป็นตัวแทนมืออาชีพหรือไม่ ควรจะได้ทำความรู้จักนิสัยใจคอกันก่อนที่จะตกลงทำประกันชีวิตน่ะครับ เพราะว่าการทำประกันนั้นมีสัญญาผูกพันระยะยาวจะได้มั่นใจและไว้วางใจในตัวแทนไปตลอดสัญญาครับ
หมายเหตุ: เบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายสำหรับทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ ไม่สามารถใช้หักลดหย่อนภาษีได้ เพราะกฎหมายให้สิทธิที่เกี่ยวกับการทำประกันให้พ่อแม่เฉพาะเบี้ยประกันสุขภาพเท่านั้น
“ลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา เมื่อท่านมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์และมีรายได้ตลอดทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท”
“ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ ผู้มีเงินได้ลดหย่อนตัวเองไม่ได้ แต่สามารถซื้อและใช้สิทธิบิดามารดาได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท”
1ประกันชีวิต: ให้ความคุ้มครองทางด้านชีวิตโดยตรง โดยบริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินสินไหมทดแทนเนื่องจากการเสียชีวิต (จากทุกกรณี) หรือ เนื่องจากการมีชีวิตอยู่ตามระยะเวลาที่กำหนด
2ประกันสุขภาพ: ให้ความคุ้มครองด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยรายได้เนื่องจากนอนพักรักษาพยาบาลเท่านั้น ไม่ว่าการรักษาพยาบาลนั้นจะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
ที่มา : ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 162 , 172 และ 194
No Comment