ถ้าเกษียณแล้วไม่มีเงิน คุณเหนื่อยแน่!!!!! เป็นทั้งคำเตือนและคำขู่ของ “อภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร” ประธานกรรมการบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ เขาว่าถ้าอยากเกษียณอย่างแสนสุข ก็ต้องเตรียมตัววางแผนเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะไปคิดตอนใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้วไม่ทันแน่

          ฉะนั้น อภิสิทธิ์บอกว่าจะให้ชัวร์ว่าได้เกษียณอย่างแสนสุขแน่ๆ ต้องเตรียมตัวก่อนเกษียณซักประมาณ 10 ปี หรืออย่างน้อย 6 ปีก่อนเกษียณ เขาบอกว่าบางคนจะเตรียมนานกว่านั้นก็ไม่ได้ เพราะตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ เงินเดือนคงยังน้อยอยู่ ไหนยังจะมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ แต่พอทำงานนานเข้าตำแหน่งงานสูงขึ้น รายได้ก็เริ่มมากขึ้น พอหลายอย่างเริ่มอยู่ตัว เมื่อปลอดภาระ ก็นำเงินส่วนที่เคยเป็นภาระมาเก็บออมเพื่อใช้ในบั้นปลายได้

อภิสิทธิ์แนะบรรดามนุษย์เงินเดือนว่า ในกระบวนการเตรียมตัวก่อนเกษียณ ควรจะนำเงินออมที่มีอยู่ไปต่อยอดลงทุนในช่องทางต่างๆ เพื่อให้เงินงอกเงยขึ้นมา ง่ายที่สุดคือเอาเงินไปฝากแบงก์ สิ่งที่ได้คือดอกเบี้ย แต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 10% เรียกว่าฝากอย่างเดียวไม่ต้องเอาไปลงทุนให้เสี่ยงอีก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ดอกเบี้ยน้อยมาก แถมยังแพ้อัตราเงินเฟ้อด้วย วันนี้ช่องทางการฝากแบงก์จึงไม่ใช่ช่องทางที่น่าสนใจ ก็ต้องนำไปกระจายลงทุนในช่องทางอื่นแทน

“ตัวผมเองเนื่องก็วางแผนเกษียณล่วงหน้าพอสมควร เนื่องมาจากว่าผมไปเรียนอเมริกา กลับมามีเงินก้อนหนึ่ง พอเริ่มมีเงินออมผมก็เอาเงินฝากแบงก์บ้าง ซื้อพันธบัตรบ้าง เราก็ดูโอกาสการลงทุนอย่างอื่น ซึ่งก็ไปดูหุ้น ผมเริ่มซื้อหุ้นจริงๆ ตอนปี 2529 ตอนนั้นผมอายุ 41 ที่จริงผมเริ่มศึกษาเรื่องหุ้นตั้งแต่ปี 2527 ตอนนั้นผมอายุ 39 ตอนนั้นราชาเงินทุนเพิ่งล้มใหม่ๆ ตลาดยังไม่ค่อยดี ซื้อขายวันละ 100 กว่าล้าน ผมก็เริ่มศึกษา รู้จักเงินปันผล พี/อีเรโช พอเขาเปิดขายหุ้นในสาธารณชน เราก็ไปจอง หุ้นสมัยนั้นพาร์ยัง 100 บาทอยู่เลย บางคนบอกทำไมแพงจัง ผมว่าถูกหรือแพงไม่ได้อยู่ที่ราคา ถูกหรือแพงอยู่ที่ผลตอบแทนที่เราจะได้รับ ถ้าผลตอบแทนดีหุ้นจะถูก ถ้าไม่ดีหุ้นก็แพง”

อภิสิทธิ์บอกว่า ในมุมมองของเขาการลงทุนที่ดีคือการเลือกหุ้นพื้นฐานดี มีเงินปันผล และลงทุนระยะยาว ไม่ใช่ซื้อมาขายไป พอถึงตอนเกษียณเมื่อไม่มีรายได้อย่างอื่น แต่ถ้าเรามีเงินปันผลกินตลอด ก็ใช้ชีวิตสบายๆ ได้

“ผมว่าถ้าเราเลือกที่จะกินยาวๆ เราก็เลือกหุ้นที่มีเงินปันผล แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่ผมลงทุนระยะสั้นบ้าง เป็นหุ้นเก็งกำไรบ้าง เอาไว้บริหารหัวใจ ซึ่งจะลงทุนในหุ้นพวกนี้เราก็ต้องคอยดูสถานการณ์การลงทุนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร ฟังข่าวอยู่ตลอด ไม่ได้ฟังแต่ข่าวลือ สมัยก่อนตอนเป็นมือใหม่ในตลาดหุ้น ผมลงทุนด้วยความระมัดระวัง ซื้อหุ้นพื้นฐานเป็นหลัก แม้จะเกิดฟองสบู่แตก แต่ก็เจอผลกระทบน้อยมาก นั่นเพราะผมกระจายลงทุนในหุ้นในหลายเซ็กเมนท์ บางช่วงบางเซ็กเมนท์ดีบางอันไม่ดี ก็จะบาลานซ์กันไป เงินปันผลก็เก็บไว้กินตอนเกษียณ”

นอกเหนือจากการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว อภิสิทธิ์บอกว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่ทำให้เขาเกษียณได้อย่างแสนสุข

“ผมเคยเจอเถ้าแก่คนหนึ่ง เลยนั่งคุยกับแก ตอนนั้นผมยังอายุ 30 ต้นๆ เอง แกบอกว่า คนไหนถ้าบอกว่ารวยแต่ถ้าไม่มีที่ดิน แปลว่ารวยไม่จริง ถ้าเรามีเงินอย่างเดียว อาจจะรวยไม่ถาวรเพราะเงินเปลี่ยนสภาพเร็ว วันหนึ่งอาจจะหมดได้ แต่ที่ดินยังไงก็อยู่กับเรา เห็นผลจริงๆ ตอนปี 40 ใครที่ลงทุนในหุ้นอย่างเดียวก็อาจจะหมดตัวได้ แต่ที่ดินยังอยู่”

จุดเริ่มต้นของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของอภิสิทธิ์เริ่มจาก ซื้อบ้านหลังแรกที่ซอยเสือใหญ่ ซื้อมา 6 แสนกว่าบาท ผ่อนชำระไปบ้าง ต่อเติมอะไรเสร็จก็เป็นล้าน สมัยนั้นก็ถือว่าแพง และอาศัยอยู่ที่นั่น 13 ปี ตอนหลังย้ายมาอยู่ในเมือง บ้านหลังนั้นให้เช่า ซึ่งทำให้มีรายได้จากค่าเช่า เขาบอกว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ดีนั้น ต้องได้คนเช่าที่ดีด้วย ไม่อย่างนั้นจะทุกข์ซ้ำสอง ได้ค่าเช่าขาดๆ หายๆ แถมถ้าได้คนเช่าไม่ดี ทำบ้านเสียหายยังต้องไปซ่อมแซมอีก

“คนเช่าเดิมของผมเป็นต่างชาติดูแลดี จ่ายเงินดี พอเขาเลิกเช่า ผมก็ขายบ้านทิ้ง ขายไป 5 ล้าน นี่คือความดีของอสังหาริมทรัพย์ ได้ทั้งค่าเช่าได้ทั้งมูลค่าเพิ่ม ก็เลยเอาเงินที่ได้มาไปลงทุนที่ใหม่ เป็นเรื่องการบริหารจัดการเงินส่วนที่เรามี ความจริงคนเราทุกคนถ้าทำงานในระดับที่พอสมควรแล้ว เราจะมีเงินส่วนเกิน สำคัญว่าเราเอาไปทำอะไร ถ้าเอาไปสำมะเลเทเมาก็หายไป แต่ถ้าเราเอาไปต่อยอด สร้างรายได้ให้งอกเงย ก็ทำให้วัยเกษียณของเรามีรายได้สม่ำเสมอ ท้ายสุดแล้วผมว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่เราสามารถบริหารจัดการได้เอง ไม่ต้องขึ้นกับใคร”

อภิสิทธิยังมองถึงการลงทุนในทองคำ ว่าเป็นอีกช่องทางที่ดี แต่มีภาระในการเก็บ สินทรัพย์แต่ละอย่างอาจจะเหมาะสำหรับคนบางคน แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน บางคนลงทุนพระเครื่อง ไวน์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับเรา ฉะนั้น หลักการลงทุนของอภิสิทธิ์คือ อะไรที่ไม่ชอบ ไม่ถนัด ไม่เอา จะลงทุนในสิ่งที่ได้ศึกษา และเชื่อมั่นว่าลงทุนไปแล้วความเสี่ยงอยู่ในจุดที่เรารับได้

“ผมว่าแต่ละคนก็ดูให้เหมาะกับตัวเอง อาจจะมีเงินฝากแบงก์ไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ฝากแบงก์อย่างเดียว กระจายไปลงทุนอย่างอื่นบ้าง

เพราะบางอย่างมีมูลค่าเพิ่มเช่นที่ดิน ฉะนั้น เอาออกมาลงทุนอาจจะดีกว่า ผมว่าอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะของมันมีจำกัด แต่คนมากขึ้น ความต้องการมากขึ้น ฉะนั้นที่ดินจึงมีแต่ราคาเพิ่มขึ้น”

เหนืออื่นใด อภิสิทธิ์แนะว่า อย่าลืมทำประกันเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ อย่าลืมวางแผนเรื่องภาษีด้วย เพราะแต่ละปีทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษี โดยเฉพาะคนรายได้เยอะจะทุกข์เพราะจ่ายภาษี ฉะนั้น ต้องวางแผนการลงทุนหรือบริจาคที่ช่วยประหยัดภาษีด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.nationejobs.com