กำลังใจ พิชิตโรคร้ายแรง (รร.)

วันหนึ่ง โทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากลูกค้าผู้เอาประกันที่ผมได้ดูแลกรมธรรม์มานานถึง 9 ปี ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ผมไปเก็บเบี้ยประกันที่เพิ่มมากขึ้นจากค่ารักษาพยาบาล (สภ.รพ.รร.) ลูกค้ารายนี้เป็นหญิงโสด ทำการค้าร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าต่อจากบิดาซึ่งชราภาพแล้ว สุขภาพของเธอดีมากมาตลอดไม่เคยป่วย ไม่เคยประสบอุบัติเหตุ ไม่เคยเคลมว่าอย่างนั้นเถอะ เธอมักจะถามผมเป็นเชิงปรึกษาว่า “เสียเบี้ยประกันสุขภาพมาทุกๆ ปี ไม่ได้ใช่บริการแถมคิดเบี้ยเพิ่มอีก จะยกเลิกดีไหม ไม่คุ้มเลย” ผมก็ได้แต่เงียบ คุยเรื่องอื่นไปเรื่อย เดี๋ยวเธอก็เขียนเช็คจ่ายเบี้ยประกันให้ สามครั้งสามคราวมาแล้ว

มาครั้งนี้ผมได้ฟังเสียงพูดของเธอซึ่งค่อยมาก…

”สวัสดี นี่ฉัน…พูดนะ…ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วพบว่าฉันเป็นมะเร็งเต้านม เวลานี้กำลังฉายแสงให้คีโมอยู่ คุณหมดบอกว่าต้องผ่าตัด คุณช่วยมาทำเรื่องเคลมให้ฉันหน่อยสิ !

ผมถามไถ่อาการของเธอไปว่า “อาการคงไม่ร้ายแรงมาก คงเป็นระยะต้น เดี๋ยวนี้เขารักษาได้ทำใจให้สบาย”

เธอตอบมาว่า “มันทำใจไม่ได้สิคุณ ! ไม่คิดว่าฉันจะเป็น มันหมดกำลังใจและรู้สึกอ่อนเพลียไปเลย”

ผมพูดไม่ออก ได้แต่ปลอบใจเธอ แล้วบอกเธอว่าจะไปเยี่ยมเธอที่ร้านในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆ

ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นผมรีบเข้าบริษัทฯ ไปติดต่อเจ้าหน้าที่แผนกสินไหมทดแทน ว่าการเคลมเรื่องโรคมะเร็งมีขั้นตอนอย่างไร เจ้าหน้าที่บอกว่าให้มีใบรับรองแพทย์และมีผลการตรวจชิ้นเนื้อว่าเป็นจริง นำเข้ามาให้พร้อมใบเคลม หลังจากได้พิจารณาแล้วถูกต้องตามเกณฑ์ บริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมให้ตามทุนประกันโรคร้ายที่ทำไว้ทั้งจำนวน สำหรับการเข้ารับการผ่าตัด ค่ายา ค่าหมอ ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าใช่จ่าย ในการรักษาขณะเป็นคนไข้ในโรงพยาบาล ก็สามารถเบิกได้ตามสิทธิ์ที่ผู้เอาประกันได้ซื้อไว้ทุกประการ นี่คือประโยชน์ของการประกัน (รร.)

ตอนบ่ายผมได้ไปพบลูกค้ารายนี้ เห็นผมเธอร่วงต้องโพกผ้าก็ใจไม่ดี ให้เธอลงนามในใบเคลม สังเกตดูอาการเธอสูบผอมไปมาก ต้องให้กำลังใจเธอว่าไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เพราะเธอทำ (รร.) ไว้ถึง 500,000 บาท สำหรับการเข้าโรงพยาบาลก็มีค่ารักษาตามสิทธิ ให้นำใบเคลมนี้ไปให้แพทย์รับรองพร้อมผลการตรวจชิ้นเนื้อ ถ้าได้แล้วให้โทรมาบอกผม ผมจะรีบดำเนินการให้โดยด่วนเลย ไม่ต้องห่วงขอให้สบายใจได้

อีกอาทิตย์ต่อมาตรงกับวันจันทร์ เธอโทรมาว่าได้เอกสารจากโรงพยาบาลครบถ้วนแล้วให้มารับด้วย วันศุกร์นี้หมดนัดให้เข้าไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลแล้ว ผมได้ไปหาเธอตามนัด พบหน้ากันครั้งนี้ดูเธอดีขึ้นบ้าง จากน้ำเสียงดุหนักแน่นกว่าเดิม เธอได้เตรียมใจพร้อมเพื่อเข้ารับการผ่าตัดแล้ว

ผมเอื้อมมือไปกุมมือทั้งสองของเธอ ปากพูดไปว่า “ขอให้พระคุ้มครองให้ปลอดภัยจากการผ่าตัดครั้งนี้ และขอให้โรคร้ายหายไปสิ้น” เสียงผมสั้น น้ำตาคลอเบ้า เธอมองหน้าผมพร้อมกับกล่าวขอบคุณ

นี่แหละครับ กำลังใจที่ได้มาจากส่วนของค่าสินไหมทดแทนในการเป็นโรคร้าย (รร.) เต็มทุนประกัน 500,000 บาท และผลจากการดูแลบริการของตัวแทนผู้รักในอาชีพนี้อย่างสุดหัวใจ

ขอขอบคุณ
ที่มา : วารสารเพื่อนนักขาย บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด
ปีที่ 16 ฉบับที่ 164 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2550
เล่าสู่กันฟังโดย คุณกฤชฌาณ ไขยาคำ